วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

CD เป็นรอย...มานี่ ! เรามีทางแก้

    


รอยขีดข่วนบนแผ่น CD เป็นปัญหาที่ทุกคนพบบ่อยที่สุด อาจมีสาเหตุมาจากความไม่ระมัดระวัง หรือการเสื่อมสภาพทั่วไป ปัญหาที่ตามมาก็เกิดขึ้นมากมาย สร้างความหงุดหงิดวุ่นวายใจยิ่งนัก...มานี่ ! เรามีทางแก้

ก่อนอื่นมาดูหน้าตาพระเอกของเรากันก่อนดีกว่า สิ่งที่ว่านี้ก็คือ...Brasso นี่เอง



เพื่อนๆ ที่เคยเรียน ร.ด. หรือเป็นลูกเสือมาก่อนคงรู้จักดี Brasso หรือ น้ำยาขัดทองเหลือง มีสารประกอบในน้ำยาที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำลายอย่างอ่อนๆ กับพลาสติก ดังนั้นเมื่อเราขัดๆ ถูๆ แผ่น CD ที่เป็นรอย จากรอยที่ลึกจะดูตื้นลง เพราะเหมือนว่า เราได้ขัดบางส่วนรอบๆ รอยนั้นออกจนเกือบจะเสมอกัน มาลองทำกันเลย

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

สิ่งของที่จะต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้
1. ผ้า หรือกระดาษที่ใช้ขัด CD ในที่นี้จะใช้ กระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่
2. ผ้า สำหรับทำความสะอากขั้นสุดท้าย เป็นผ้านุ่มๆหรือผ้าเช็ดแว่นหรือ เสื้อยืดเก่าๆ เราก็ได้

3. บรัสโซ หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วไป
4. และก็ แผ่น CD เจ้าปัญหา





ขั้นตอนที่ 2 เข้าสู่ขั้นตอนลงมือ

ต่อมาเมื่อเราเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ มาดูวิธีการทำกันเลย เริ่มจากเทน้ำยาบรัสโซลงบนกระดาษทิชชู่ แล้วค่อยๆ บรรจงชโลมลงบนแผ่น อย่าเทน้ำยาลงบนแผ่นโดยตรง เพราะมันอาจจะย้อยลงไปอีกด้านที่เป็น สกรีน ตัวน้ำยาจะกัดส่วนที่เป็นสกรีน ซึ่งข้อมูลของแผ่น CD ก็อยู่ถัดจากสกรีนเค่ชั้นเดียวเอง




ขั้นตอนที่ 3 หลังจากชโลมเรียบร้อยแล้วก็เริ่มต้นขัด

เริ่มต้นขัด โดยขัดตามแนวรัศมีของแผ่นคือเป็นเส้นตรงจาก จุดศูนย์กลางออกมา ห้ามขัดตามเส้นรอบวง หรือขัดวนเด็ดขาด เพราะการขัดตามแนวรัศมี จะเป็นการปรับพื้นที่ได้ดีกว่า และในตอนขัดจะรู้สึกด้วยว่า มีเนื้อพลาสติก ลอกออกมาด้วยทีละนิดๆ และจะรู้สึกร้อนๆมือขณะขัดด้วย ถ้าไม่เป็นตามนั้น ให้เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ขัด และต้องพยายามขัดให้ทั่วทั้งแผ่น ให้พลาสติกลอกออกมาอย่างสม่ำเสมอ และต้องใช้เวลา ให้คุณสังเกตุดูจากรอย จะค่อยๆจางไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาขัดประมาณ 10 -15 นาที หรือมากกว่านั้น ถ้าขัดๆไปน้ำยาแห้ง ก็ให้เติมเรื่อยๆ และก็หมั่นเปลี่ยนกระดาษที่ใช้ขัดบ่อยๆ




ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนสุดท้าย

ขั้นตอนสุดท้าย คือ เอาแผ่นไปล้าง เพื่อเอาคราบน้ำยาออกให้หมดครับแล้วเช็ดด้วย ผ้านุ่มๆ แห้งๆ ที่สำคัญก็คือ ต้องล้างคราบออกให้หมด แล้วเช็ดให้เงาวับ แล้วดูว่ายังมีรอยลึกๆ ใหญ่ๆ อยู่หรือไม่ ถ้ายังมีอยู่ก็เอาไปขัดต่อ และไม่ต้องกังวลว่าจะทะลุไปอีกด้านนึง เพราะชั้นที่เป็นพลาสติกนั้นหนามาก และฤทธิ์ในการทำลายของบรัสโซ ก็ไม่ได้รุนแรงมากขนาดนั้น




นอกจาก บรัสโซ แล้ว ยังมีอย่างอื่นที่ขัดได้อีก เช่น
1. ยาสีฟัน
2. น้ำยาเช็ดกระจก
3. น้ำยาขัดอะคริลิค


ข้อควรระวัง

1. การเลือกน้ำยา อย่าใช้น้ำยาขัดเคลือบ หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์ กัดกร่อง ซึ่งมีส่วนผมของ petroleum (ปิโตรเลียม) หรือ ammonia เป็นอันขาด
2. การถู อย่าถูอยู่แต่จุดๆ เดียว เพราะปฏิกริยาของน้ำยาจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งถ้าทำอยู่จุดเดียวนานๆ อาจทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของชั้นอลูมิเนียมภายใน


กรณีแผ่นบิดงอ

สามารถทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ( คืองอเหมือน เดิม........เอ้ย มะช่าย ) แต่ต้องใช้เวลานานนนนนนหน่อยเท่านั้น
ก่อนอื่นเช็ดแผ่นให้สะอาด และอย่างที่รู้ๆ กัน แผ่น CD ที่เราใช้ปกติมันทำมาจากพลาสติก ซึ่งเป็นธรรมดามักจะบิดงอเมื่อเกิดความร้อน ซึ่งการจะทำให้กลับมาตรง ก็ต้องทำการ อุ่นแผ่น CD ซะก่อนด้วยความร้องประมาณ 38 องศาเซลเซียส แนะนำให้วางบนหลังคอมเพรสเซอร์แอร์ โดยใช้แผ่นกระจก 2แผ่น วางประกบ CD ไว้แล้วใช้หนังสือวางทับ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาญ 2 - 3 วัน
* หนังสือหรืออุปกรณ์ที่นำมาวางทับควรมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม และต้องวางอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของแผ่นพอดี *


กรณีแผ่นแตกร้าว

ถึงแม้ว่ามันอาจจะยังพอที่จะอ่านข้อมูลบางส่วนได้เพราะการอ่านมันอ่านจาก แทรคใน ไปแทรคนอก แต่มันมีปัญหาอย่างนึง คือเวลาที่มันอ่านแผ่น มันจะถูกหมุนด้วยความเร็วสูง และอาจแตก กระเด็นออกนอกเครื่องอ่านได้ และอาจสร้างความเสียหายกับเครื่องอ่านของคุณชนิดที่ไม่สามารถซ่อมได้เลย ดังนั้นขอแนะนำวิธีนี้




หวังว่าขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ จะสามารถแก้ไขปัญหารอยขีดข่วนบนแผ่น CD ได้ไม่มากก็น้อยนะชาวไอทีทั้งหลาย ^^

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ใช้ Google มากกว่าแค่หาข้อมูล

     เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก Search Engine อันดับ 1 ของโลกอย่าง Googel แต่แทบจะไม่มีใครที่ใช้งาน Google ได้อย่างเต็มความสามารถ
    รู้หรือไม่ว่า Google มีดีมากกว่าแค่ใช้ค้นหาข้อมูลทั่วไป ใครจะคิดว่าหน้าเว็บไซต์ที่ดูเรียบง่ายของ Google จะมีฟังก์ชั่นที่ถูกซ่อนเอาไว้มากมาย บางคนอาจจะเคยรู้กันมาบ้างแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน มีอะไรบ้างเราไปแชร์พร้อมๆ กันเลย


ใช้ Google บอกอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเร่งด่วน

เช่น อยากรู้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ เป็นเงินไทย ในวันนี้แค่พิมพ์ 1 USD in THB







เช่น ถ้าอยากรู้ค่าเงินฮ่องกงกับเิงินไทยก็พิมพ์ 1 HKD in THB

จะแปลงค่าเงินอื่นๆ ก็ได้ แค่ใส่ตัวย่อของค่าเงินนั้นๆ อาทิ
GBP = British Pound ( เงินปอนด์อังกฤษ )
JPY = Japanese Yen ( เงินเยนญี่ปุ่น )
EUR = Euro ( เงินยูโร )
CHF = Canadian Dollar 
NZD = New Zealand Dollar


ใช้ Google พยากรณ์อากาศ

Google สามารถบอกลักษณะอากาศของเมืองใหญ่ๆ ได้ทั่วโลก แค่พิมพ์ weather [ชื่อเมือง]
เช่น อยากรู้อากาศกรุงเทพฯ วันนี้ พิมพ์ weather bangkok แล้วกด search แค่นี้ก็รู้แล้ว










ใช้ Google เป็นเครื่องคิดเลข

สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ใช้ คือ
+ (บวก)
- (ลบ)
* (คูณ)
/ (หาร)

พิมพ์โจทย์ได้เลย เช่น 2*2 แล้วกด Enter








ถ้าต้องการระดับ Advance ดูตัวอย่างด้านล่างกันเลย
















ใช้ Google เป็น Dictionary

เป็น Dict อังกฤษแปลอังกฤษ พิมพ์ define : [คำศัพท์ที่ต้องการแปล]

เช่น define : love
















ใช้ Google เป็นนาฬิกาบอกเวลาปัจจุบันทั่วโลก

พิมพ์ time [ชื่อเมือง]

เช่น อยากรู้ตอนนี้ที่ลอนดอนกี่โมง ก็พิมพ์ time london








บริการนี้ต้องพิมพ์ผ่าน google.com ที่เป็น site ภาษาอังกฤษ
ถ้า google.co.th ไม่แสดงผลเวลา แต่จะแสดง link พวกบริการเทียบเวลา


ใช้ google หาแผนที่ของทุกเมืองทั่วโลก

พิมพ์ [ชื่อประเทศ หรือ ชื่อเมือง] map เท่านี้ก็ได้เลย

เช่น bangkok map


    
    












     Google ขึ้นชื่อว่าเป็น Search Engine อับดับ 1 ของโลก มีหรือที่จะทำอะไรแบบธรรมดา จริงๆ ยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย เอาไว้จะรวบรวมมาบอกเพิ่มเติม
    
     ถ้าใครได้แวะเวียนไปที่เว็ปไซต์ Google อย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ ไปลองใช้กันดู หรือถ้ามีเทคนิคอื่นๆ ที่น่าสนใจก็ลองมาแชร์กันดูนะ ^^

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ยืดเส้นยืดสาย...ออกกำลังกายหน้าคอม

     เคยมั๊ย...เวลาที่เรานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ลุกเดินหรือเปลี่ยนอิริยาบถ แล้วรู้สึกมีอาการเหนื่อยล้า และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณต้นคอ แขน ไหล่ หลัง สะโพก รวมถึงกล้ามเนื้อตา

     ผลร้ายที่ตามมามีมากขนาดนี้ เราคงต้องหาทางลดความเหนื่อยล้า โดยการยืดเส้นยืดสายด้วยวิธีกายบริหารง่ายๆ ที่ทำได้หน้าคอมพิวเตอร์...ลองไปทำพร้อมๆ กันเลย

    
    

เริ่มจากท่านั่งที่ถูกวิธี มีหลักอยู่ 4 ข้อ คือ
1. ข้อศอกตั้งเป็นมุมฉาก
2. หลังพิงพนักเก้าอี้ ประมาณ 100-110 องศา
3. เท้าตั้งเป็นฉากตั้งกับพื้น
4. ระยะห่างระหว่างตัวเรากับคอมพิวเตอร์ ประมาณ 50-70 ซม.


ท่าที่ 1
เริ่มจากการบริหารข้อเท้า ด้วยการยกขึ้นขนานกับพื้น ขยับขึ้น-ลง ข้างละประมาณ 10 ครั้ง





ท่าที่ 2
ท่าบริหารข้อมือ ด้วยการยกมือขึ้นขนานกับพื้น แล้วพับมือขึ้น-ลง โดยที่แขนไม่ต้องขยับตามมือ ท่านี้ช่วยบริหารเส้นเอ็นและข้อต่อบริเวณข้อมือ





ท่าที่ 3
ท่ากอดเข่า ใช้มือโอบรอบเข่า ถ้าไม่อยากให้มือหลุดก็อาจจะใช้นิ้วมือทั้งสองประสานกันไว้ แล้วยกเข่าขึ้นแนบชิดลำตัว ทำข้างละประมาณ 10 ครั้ง





ท่าที่ 4
ขยับมือ ให้เส้นเลือดบริเวณนิ้วมือได้สูบฉีดซักหน่อย หลังจากที่พิมพ์งานมาเยอะแล้ว





ท่าที่ 5
ท่ายืดหัวเข่า นั่งเก้าอี้สบายๆ จากนั้นก็ยืดหัวเข่าให้ตรง ยกขาขึ้นเล็กน้อย ทำข้างละประมาณ 10 ครั้ง





ท่าที่ 6
ท่ายืดหัวไหล่ โดยการเอามือข้างขวาไปจับที่ข้อศอกข้างซ้าย แล้วค่อยๆ ดึงเข้าหาลำตัว ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที หรือนับ 1 ถึง 10 แล้วค่อยเปลี่ยนข้าง





ท่าที่ 7
บริหารคอ ด้วยการหมุนไปรอบๆ ค่อยๆ หมุน เริ่มจากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้ายก็ได้ตามถนัด หมุนไปมาประมาณ 10 รอบ ก็จะช่วยให้หายเมื่อยคอ





ท่าที่ 8
ท่าบิดมือ เริ่มจากปล่อยมือไว้ข้างลำตัว แล้วก็บิดมือไปมาหน้าและหลัง 20 ครั้ง





ท่าที่ 9
ท่าหมุนไหล่ คือยกไหล่แล้วหมุนเป็นวงรอบเริ่มจากหมุนตามเข็มนาฬิกา แล้วค่อยทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างละ 10 ครั้งก็พอ




9 ท่ากายบริหารง่ายๆ เพื่อใช้ยืดเส้นยืดสายหน้าคอมพิวเตอร์
อย่าลืมทำกันนะตัวเอง...ด้วยความหวังดี จากสมาชิก Larry Page


วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

แป้นพิมพ์ลัดที่ไม่ลับ

    

    
     การทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ บางครั้งเราต้องการความรวดเร็ว หลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้วว่าปุ่มใช้งานต่างๆ ที่อยู่บนแป้นคีย์บอร์ดที่มีอยู่หลายสิบปุ่ม สามารถใช้เป็นช่องคำสั่งแบบทางลัด ( Shortcut ) ได้อย่างรวดเร็ว และจะมีซักกี่ปุ่มที่เราได้ใช้งานจริงๆ และอีกหลายๆ ปุ่ม ที่เราอาจไม่รู้และลืมไปแล้วก็มี

     ลองซ้อมมือและฝึกใช้งานให้คล่อง จนคนรอบข้างต้องตะลึง! ว่าทำไมเราถึงรู้ ว่าปุ่มไหนเป็นอะไร เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างในอนาคต...






BACKSPACE (ดูโฟลเดอร์ย้อนขึ้นหนึ่งระดับใน My Computer หรือ Windows Explorer)
ESC (ยกเลิกงานปัจจุบัน)
CTRL + C (คัดลอก)
CTRL + X (ตัด)
CTRL + V (วาง)
CTRL + Z (ยกเลิก)
DELETE (ลบ)
SHIFT + DELETE (ลบรายการที่เลือกอย่างถาวรโดยไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin)
กดปุ่ม CTRL ขณะที่ลากรายการ (คัดลอกรายการที่เลือก)
กดปุ่ม CTRL + SHIFT ขณะที่ลากรายการ (สร้างทางลัดไปยังรายการที่เลือก)
ปุ่ม F2 (เปลี่ยนชื่อรายการที่เลือก)
CTRL+ ลูกศรขวา (ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของคำถัดไป)
CTRL+ ลูกศรซ้าย (ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของคำก่อนหน้า)
CTRL+ ลูกศรลง (ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าถัดไป)
CTRL+ ลูกศรขึ้น (ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าก่อนหน้าไป)
CTRL + SHIFT พร้อมกับปุ่มลูกศรใด ๆ (ไฮไลต์บล็อกข้อความ)
CTRL + A (เลือกทั้งหมด)
ปุ่ม F3 (ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์)
ALT + ENTER (ดูคุณสมบัติต่าง ๆ ของรายการที่เลือก)
ALT + F4 (ปิดรายการที่ใช้งานอยู่ หรือปิดโปรแกรมที่ใช้งาน)
ALT + ENTER (แสดงคุณสมบัติของออบเจกต์ที่เลือก)
ALT + SPACEBAR (เปิดเมนูทางลัดสำหรับหน้าต่างที่ทำงานอยู่)
CTR L+ F4 (ปิดเอกสารที่ใช้งานอยู่)
ALT + TAB (สลับระหว่างรายการต่าง ๆ ที่เปิดอยู่)
ALT + ESC (สลับไปยังรายการต่าง ๆ ตามลำดับที่เปิด)
ปุ่ม F6 (สลับไปตามรายการอิลิเมนต์บนหน้าจอในหน้าต่างหรือบนเดสก์ทอป)
ปุ่ม F4 (แสดงรายการแอดเดรสบาร์ใน My Computer หรือ Windows Explorer)
SHIFT + F10 (แสดงเมนูทางลัดสำหรับรายการที่เลือก)
ALT + SPACEBAR (เปิดเมนูระบบสำหรับหน้าต่างที่ทำงานอยู่)
CTRL + ESC (แสดงเมนู Start)
ALT + อักษรขีดเส้นใต้ในชื่อเมนู (แสดงเมนูนั้น ๆ)
อักษรที่ขีดเส้นใต้ในชื่อคำสั่งบนเมนูที่เปิด (ทำงานตามคำสั่งนั้น ๆ)
ปุ่ม F10 (เปิดแถบเมนูในโปรแกรมที่กำลังใช้งาน)
ลูกศรขวา (เปิดเมนูถัดไปทางขวา หรือเปิดเมนูย่อย)
ลูกศรซ้าย (เปิดเมนูถัดไปทางซ้าย หรือปิดเมนูย่อย)
ปุ่ม F5 (อัปเดทหน้าต่าง)
กดปุ่ม SHIFT ขณะที่ใส่แผ่นซีดีรอมลงในไดรฟ์ซีดีรอม(ยกเลิกการเล่นซีดีรอมอัตโนมัติ)
CTRL + SHIFT + ESC (เปิด Task Manager)

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

Password แข็งแรงไม่ได้แปลว่าปลอดภัย

     มีมหาวิทยาลัยที่อเมริกา (University of Michigan) ให้คำจำกัดความของ password ว่า " Passwords Are Like Underwear "


    

มาดูกันว่าทำไมเค้าถึงนิยามแบบนั้น
1. ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
2. อย่าลืมทิ้งไว้ไม่เป็นที่เป็นทาง
3. ยิ่งยาวยิ่งดี
4. อย่าใช้ร่วมกับคนอื่น
5. ต้องทำให้ดูลึกลับ

สำหรับข้อที่ 1 ใครที่ไม่ค่อยทำตามคำนิยามสักเท่าไหร่ ทุกวันนี้อาจไม่แน่ใจว่าจะมีใครเจาะ password ที่ใช้มานานจนเป็นรูหรือเปล่า คงเป็นเพราะกางเกงในตัวเก่า...เอ๊ย...password เก่ามันคุ้นเคย

ส่วนข้อที่ 5 นั้นคงมีอยู่เพียงคนเดียวที่เค้ามี password เปิดเผยมากที่สุด นั่นคือ...ซุปเปอร์แมน



    
     การทำให้รหัสผ่าน หรือ password มีความแข็งแรง ใช้ตัวอักษรที่แตกต่างและผสมสานกันระหว่างตัวเลขและตัวอักษร เติมเครื่องหมายประหลาดๆ เข้าไปสักหน่อย ความยาวอย่างน้อย 6-8 ตัวอักษร แต่ยังคงจำได้ และไม่เขียนมันลงบนกระดาษ อ้อ...ต้องไม่ลืมที่จะเปลี่ยนมันทุก 2-3 เดือนด้วย ฟังดูคำแนะนำข้างต้นนี้น่าจะป้องกันเราจากแฮคเกอร์ได้ แต่ความจริงแล้ว...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดเลย...
    
     ผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบางคนกำลังคิดสวนทางอย่างแรงด้วยการออกมาให้ความเห็นว่า ความจริงแล้ว " password " ที่ใช้ไม่ได้จำเป็นต้องแข็งแรง พวกเขาบอกว่า การป้องกันการโจมตีด้วยการตั้ง password ที่แข็งแรงแล้วคิดว่าปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องผิดถนัด เพราะผู้ใช้อาจจะละเลยภัยคุกคามที่แม้แต่ password ที่แข็งแรงก็ไม่ช่วยอะไรได้ นั่นคือ " มัลแวร์ "


    

     โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ Keylogger ที่มักจะเป็นของกำนัลจากไวรัส ซึ่งมัลแวร์พวกนี้สามารถเก็บบันทึกทุกการกดแป้นพิมพ์ของคุณรวมถึง " password " ที่แข็งแรงนักหนา ก่อนที่จะส่งไปให้แฮคเกอร์ผู้อยู่แดนไกลแต่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต " การดูแลไม่ให้มัลแวร์อย่าง Keylogger ติดเข้าไปในเครื่อง มีความหมายนับแสนล้านเท่าเมื่อเทียบกับพาสเวิร์ดที่แข็งแรงของคุณ " Comac Herley นักวิจัยจาก Microsoft Research เขากล่าวว่า แม้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจะสามารถตรวจจับ และป้องกัน Keylogger ชนิดต่างๆ ได้มากมาย แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะให้ความปลอดภัยกับผู้ใช้ได้ 100%

     ทั้งนี้ Herley ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ " password " สั้นๆ แถมยังใช้ตัวอักษรเรียงกันจะทำให้แฮคเกอร์สามารถทดลองสุ่มพาสเวิร์ดไปเรื่อยๆ ได้ แต่หากเว็บไซต์ที่ให้บริการมีระบบป้องกันที่เรียกว่า " brute-force attacks " ที่กำหนดให้ Log-in ผิดพลาดได้ไม่เกินจำนวนครั้งที่กำหนด (3 ครั้ง) แค่ PIN Number 6 หลักก็ยังคงปลอดภัยจากการโจมตีได้นับ 100 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เขายังท้าทายอีกด้วยว่า เว็บไซต์ที่มีผู้ใช้หลายร้อยล้านคน สามารถทำระบบแนะนำ password สั้นๆ ให้ผู้ใช้เลือก (ผู้ใช้ไม่ต้องคิดพาสเวิร์ดเองก็ได้) โดย password ที่ถูกเลือกไปแล้วจะไม่ถูกใช้ซ้ำโดยผู้ใช้คนอื่น และจำกัดจำนวนครั้งในการพิมพ์ password ผิดพลาด โอกาสที่ผู้โจมตีจะโชคดีเดา password ถูกมีแค่ 100 รายใน 10 ล้าน (ประมาณ 0.001%)

    
    
    
     อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ กติกาของการตั้ง password แข็งแรง หากไม่รู้สึกลำบากเกินไปนักก็ทำไปเถอะ แต่ต้องไม่ลืมที่จะอัพเดตซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรท่องเว็บไซต์ใต้ดิน หรือเว็บไซต์อย่างว่า เพราะโอกาสที่คุณจะได้รับของกำนัลอย่างโปรแกรม Keylogger สูงมากทีเดียว...เราเตือนคุณแล้ว!!!

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้อมูลสมาชิก

ในครั้งก่อนเราได้แนะนำรายชื่อสมาชิกกลุ่ม Larry Page ทั้ง 10 คน
ที่รวมตัวกันเฉพาะกิจ โดยไม่ได้นัดหมายและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดูเหมือนพวกเค้าจะ งึกๆ งั่กๆ เรื่อง IT
แต่แท้จริงแล้วพวกเค้าไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
เขาและเธอเป็นใคร ไปรู้จักกันเลย

******************************************************************************

No.1  : 



ชื่อ-สกุล  :  พรต  ซอโสตถิกุล

ชื่อเล่น  :  เต้ย

ตำแหน่ง  :  รองกรรมการผู้จัดการ

สำนัก  :  พัฒนาธุรกิจ









No.2  :  เรียบง่ายสบาย ! โก๊ะ



ชื่อ-สกุล  :  รัตนา  กอวัฒนสิริ

ชื่อเล่น  :  เกียง

ตำแหน่ง  :  ผู้จัดการ

ฝ่าย  :  บัญชี









No.3  :  รู้จักความพอเพียง ชีวิตจะเพียงพอ



ชื่อ-สกุล  :  ใหญ่  อัครวรรณวงศ์

ชื่อเล่น  :  ใหญ่

ตำแหน่ง  :  ผู้ช่วยผู้จัดการ

ฝ่าย  :  วิศวกรรม









No.4  :  เผ็ด สวย ดุ ( ไม่สวย..ไม่เริ่ด..ทำไม่ได้นะคะ )



ชื่อ-สกุล  :  ทิณธุมาศ  นันทขว้าง

ชื่อเล่น  :  อ้อม

ตำแหน่ง  :  ผู้ช่วยผู้จัดการ

ฝ่าย  :  อาหารและเครื่องดื่ม









No.5  :  หนุ่มช่างคิด...คิดอย่างเป็นเหตุ เป็นผล



ชื่อ-สกุล  :  ธนโชค  ชัยอมรเวทย์

ชื่อเล่น  :  เม้ง

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนกอาวุโส

แผนก  :  ควบคุมเครื่องเล่น

ฝ่าย  :  สวนสนุก







No.6  :  ชอบลุย จริงใจ ไม่สอพรอ ทำจริง



ชื่อ-สกุล  :  ทยาวีร์  วรรณะ

ชื่อเล่น  :  น้อง

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนกอาวุโส

แผนก  :  จัดซื้อ

ฝ่าย  :  ธุรการ







 
No.7  :  ตี๋ใหญ่ ใจดี ขี้เล่น เป็นกันเองกับทุกคน



ชื่อ-สกุล  :  สมศักดิ์  ต่ออนันต์กุล

ชื่อเล่น :  สมศักดิ์

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนก

แผนก  :  รักษาความปลอดภัย

ฝ่าย  :  บริการลูกค้าและบริการทั่วไป







No.8  :  พูดไม่หนัก แต่เรื่องรักไม่เป็นรอง



ชื่อ-สกุล  :  วิรัตน์  ประนิตย์

ชื่อเล่น  :  รัตน์

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนก

แผนก  :  บำรุงรักษางานระบบ

ฝ่าย  :  ปฏิบัติการอาคาร







No.9  :  ตัวเล็ก แต่ใจใหญ่



ชื่อ-สกุล  :  ศรีทัศน์  คำเขียว

ชื่อเล่น  :  กิ๊ก

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนก

แผนก  :  การแสดงและกิจกรรม

ฝ่าย  :  สวนสนุก







No.10  :  ยิ้มกว้าง ฟันใหญ่ จริงใจ รักเด็ก



ชื่อ-สกุล  :  รสพร  เขียวหวาน

ชื่อเล่น  :  ออย

ตำแหน่ง  :  หัวหน้าแผนก

แผนก  :  กิจกรรมประชาสัมพันธ์

ฝ่าย  :  ประชาสัมพันธ์




วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สมาชิกแนะนำตัว

การรวมตัวของชาว IT ขั้นเทพ เกิดขึ้นแล้ว ณ บัดนี้


1. ดร.พรต ซอโสตถิกุล
2. คุณรัตนา กอวัฒนสิริ
3. คุณใหญ่ อัครวรรณวงศ์
4. คุณทิณธุมาศ นันทขว้าง
5. คุณธนโชค ชัยอมรเวทย์
6. คุณทยาวีร์ วรรณะ
7. คุณสมศักดิ์ ต่ออนันต์กุล
8. คุณวิรัตน์ ประนิตย์
9. คุณศรีทัศน์ คำเขียว
10. คุณรสพร เขียวหวาน


โปรดติดตามตอนต่อไป...

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จุดกำเนิด Google

    
    
     ไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจขนาดจิ๋ว ซึ่งก่อเกิดจากมันสมองของนักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด 2 นาย จะสามารถถีบตัวเป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก เพียงชั่วระยะเวลาเพียง 5 ปี

     เรื่องก็เริ่มตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อนปี 1995 ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตอนนั้น Sergey Brin (เซอร์เก บริน) 1 ใน 2 ของผู้ก่อตั้ง Google เป็นแค่นักเรียนปริญญาเอก ที่กำลังจะขึ้นปี 2 ของภาควิชา วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Science) ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่อาสาเข้ามาเป็นนักศึกษาช่วยงาน Open House


Sergey Brin

    
     โดยปกติทุกๆ ปีในช่วงก่อนเปิดเทอมนี้ มหาวิทยาลัยต่างๆ เค้าจะมีการเปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือน เราเรียกว่า Open House (ที่เมืองไทยก็เห็นมีบ้างแล้วหลายมหาวิทยาลัย) คือว่าใครสนใจที่จะเรียนในมหาิวิทยาลัยไหน คณะไหน ก็จะไปงาน Open House ของที่นั่น ที่จะมีคนมาคอยพาทัวร์ และแนะนำสถานที่ แนะนำคณะ แนะนำ Lab แนะนำครูอาจารย์ เป็นปกติเหมือนทุกๆ ปี แต่ปีนี้เองพระเอกคนที่สองของเรา คือคุณ Larry Page (ลาร์รี่ เพจ) ก็โผล่มาในงาน Open House ในปีนี้ หลังจากได้ดีกรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan University) มาหยกๆ ทั้งสองเจอกันเพราะ Larry Page ไปอยู่ในกลุ่มทัวร์ ที่มี Sergey Brin เป็นหัวหน้ากลุ่มทัวร์พอดี

     ดูท่าว่างานนี้ไม่ใช่รักแรกพบครับ เพราะระหว่างทางที่เดินทัวร์มหาวิทยาลัยและเมือง San Francisco อยู่ ทั้งสองคนนี้ก็มีเรื่องให้ถกเถียงกันได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องของการจัดผังเมืองของ San Francisco (??!!??)


Larry Page


     Larry เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นเค้าจำได้ว่า Sergey เป็นคนที่มีความคิดที่ค่อนข้างจะยึดติด เป็นคนที่ไม่ค่อยโสภาที่น่าจะอยู่ใกล้เท่าไหร่ ถ้าคิดว่าตัวเองถูกละก็จะเีถียงหัวชนฝา ซึ่งบังเอิญว่าตัวเอง (Larry) ก็เป็นคนแบบนั้น ส่วน Sergey ก็บอกว่าจริงๆ แล้ว Larry ก็ออกจะแปลกๆ อยู่เหมือนกันแหละ เถียงหัวชนฝาไม่ค่อยยอมใคร (เอากันเข้าไป มิน่าหล่ะ เถียงกันได้ทั้งวัน) เอาเป็นว่า ทั้งคู่ถกเถียงกันเรื่องต่างๆ ทั้งวันที่เดินทัวร์ แม้จะไม่ลงรอยด้วยดี แต่ทั้งคู่ก็จำกันได้ดีก่อนจะแยกจากกันในตอนเย็น (แหม! พล็อตยังกับหนังไทย พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรกจะต้องมีทะเลาะตบตี ต่างคนต่างบอกว่าเกลียด แต่ในใจคิดถึงอยู่)

     อีก 2-3 เดือนถัดมา มหาวิทยาลัยก็เปิดเทอม Larry ก็เข้ามารายงานตัว และเลือก Prof. Terry Winograd ผู้เชี่ยวชาญด้านการโต้ตอบระหว่างคอมพิวเตอร์และมนุษย์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และก็เริ่มมองหาหัวข้อวิทยานิพนธ์

     พ่อของ Larry Page (ขณะนั้นเป็นอาจารย์ด้าน Computer Science อยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน) บอกว่า Thesis ปริญญาเอกจะเป็นเหมือนกรอบ ที่จะคอยกำหนดอนาคต ด้านวิชาการของเราไปทั้งชีวิต ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำให้ไตร่ตรองให้ดี ทำให้ Larry ใช้เวลาอยู่นานในการเลือกหัวข้อทำวิทยานิพนธ์ หลังจากลองนึกๆ ดูสิบกว่าเรื่อง สุดท้ายก็มาลงที่เรื่อง World Wide Web นี่เอง

     และแล้วจุดเริ่มต้นของไอเดียเล็กๆ ก็กลายเป็นไอเดียที่เปลี่ยนโลกอินเตอร์เน็ตทั้งใบ จุดกำเนิดของยักษ์ใหญ่ในวงการซอฟท์แวร์ก็เริ่มขึ้นที่นี่...